วิธีการเลือกใช้งานและเลือกขนาดเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS

การเลือกใช้ UPS
เนื่อง จาก UPS มีหลายประเภทแตกต่างกันออกไป ผู้ใช้ควรพิจารณาเลือก UPS ให้เหมาะสมกับระบบ หรืออุปกรณ์ที่ต้องการใช้งาน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการใช้งานให้
มากที่สุด ซึ่งควรคำนึงถึงปัจจัยหลักๆ ดังนี้
1. เลือกชนิดของ UPS, ขนาดและรูปทรงให้เหมาะสมกับสภาพของปัญหาไฟฟ้าในสถานที่ที่ต้องการใช้งาน
2. ความสำคัญของอุปกรณ์และระบบมีมากน้อยแค่ไหน
3. อัตราการกินไฟของอุปกรณ์รวมทั้งหมด
4. ความน่าเชื่อถือได้ของผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ตลอดจนเงื่อนไขของการให้บริการหลังการขาย
วิธีการเลือกขนาดเครื่องสำรองไฟฟ้า UPS
การเลือกซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ การเลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งมีขั้นตอนการคำนวณดังต่อไปนี้

1. เลือกอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องการป้องกันด้วยเครื่องสำรองไฟฟ้า

2. ดูรายละเอียดว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้กำลังไฟฟ้าเท่าไหร่ (ดูที่ฉลากหลังเครื่อง หรือคู่มือ) ซึ่งอาจจะระบุเป็น A (Ampere) หรือ W (Watt)

3. ค่ากำลังไฟฟ้าของแต่ละอุปกรณ์จะต้องเปลี่ยนเป็น โวลต์-แอมป์ (VA) หรือ วัตต์ (Watt) เพื่อทำให้สามารถรวมเข้าเป็นหน่วยเดียวกัน
กรณีที่ระบุเป็นแอมป์ (Ampere) : VA = Volt X A (Volt คือแรงดันไฟฟ้าของอุปกรณ์ = 220 Volt {Vac})
กรณีที่ระบุเป็นวัตต์ (Watt) : VA = W / 0.6 (0.6 คือค่า Power Factor* ของอุปกรณ์ มีค่า = 0.6-0.7)
{ค่า Power Factor (PF) คือค่าตัวเลขอัตราส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานจริง (Real Power;P) ซึ่งมีหน่วยเป็นวัตต์ (Watt;W) หารด้วยค่าำพลังงานที่ปรากฎ (Apparent Power;S) ซึ่งมีหน่วยเป็นวีเอหรือโวลต์-แอมป์ (VA)}

4. เมื่อคำนวณได้ค่า VA รวมของอุปกรณ์แล้ว ก็สามารถเลือกขนาดการจ่ายกำลังของ UPS ได้โดยให้ขนาดการจ่ายกำลังของ UPS มี มากกว่า ค่า VA รวมของอุปกรณ์ประมาณ 10-20% เพื่อประสิทธิภาพอันสูงสุดในการใช้งาน โดยปกติเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) จะสำรองไฟได้ประมาณ 5-10 นาที (ขึ้นอยู่กับขนาด UPS แต่ละรุ่น) หากต้องการให้ระยะเวลาสำรองที่นานขึ้น ทำได้โดยเลือกเครื่องสำรองไฟฟ้าที่มีขนาด VA ใหญ่ขึ้นและเลือกเครื่องสำรองไฟฟ้าที่สามารถต่อแบตเตอรี่เพ่ิมเติมได้ภายนอก (รุ่น S Series ขึ้นไป)